แบ่งปันบนเฟสบุ๊ค
ทวีตบนทวิตเตอร์
ล้วงลึกอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม กับปัจจัยที่ไม่ควรละสายตา

Highlight :

ความต้องการใช้อะลูมิเนียมทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโต 4%CAGR ในช่วงปี 2018-2020 โดยมีการเติบโตของภาคก่อสร้างและการผลิตรถยนต์ในจีนเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก สวนทางกับกำลังการผลิตที่คาดว่าจะหดตัวลงถึง 4 ล้านตัน หรือเทียบเท่า 7% ของกำลังการผลิตโลก จากสถานการณ์ดังกล่าวประเมินว่าราคาอะลูมิเนียมจะปรับตัวขึ้นราว 3%CAGR ในช่วงปี 2018-2020

สำหรับไทย อีไอซีประเมินว่าการเติบโตของการผลิตรถยนต์ การก่อสร้างภาคเอกชน โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงาน รวมถึงการขยายตัวของตลาดเบียร์ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง จะส่งผลให้ความต้องการใช้อะลูมิเนียมเติบโต 5%CAGR ในช่วงปี 2018-2020

ความผันผวนของราคาอะลูมิเนียม การขยายตัวของปริมาณการนำเข้าอะลูมิเนียมสำเร็จรูป และมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ เป็น 3 ปัจจัยที่ผู้ผลิตและผู้ใช้อะลูมิเนียมควรติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานโดยตรง

Implication :

ผู้ประกอบการควรวางแผนการใช้กำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตของอุปสงค์อะลูมิเนียมในอนาคต โดยเฉพาะกรอบอะลูมิเนียมสำหรับงานก่อสร้าง และแผ่นอะลูมิเนียมซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตกระป๋อง ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองคำสั่งซื้อที่คาดว่าจะขยายตัวขึ้น ผู้ประกอบการที่มีกำลังการผลิตไม่มากพอควรพิจารณาการลงทุนขยายกำลังการผลิต หรือพิจารณาการนำเข้าผลิตภัณฑ์ สำเร็จรูปมาจัดจำหน่ายเพื่อตอบสนองความต้องการที่ขยายตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากการผันผวนของราคา แม้ทิศทางราคาอะลูมิเนียมจะอยู่ในขาขึ้น แต่แน่นอนว่าในระหว่างปีราคาอะลูมิเนียมจะผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงแรงเก็งกำไร ณ เวลานั้นๆ การจับคู่คำสั่งซื้อ และการบริหารสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดการขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาอะลูมิเนียมได้ (stock loss)

ผู้เขียน : กณิศ อ่ำสกุล, ที่มา : www.scbeic.com

Comments

comments

  • แท็ก
  • featured
แบ่งปัน
Facebook
Twitter
บทความก่อนหน้านี้SINGHA E-Sport Pro League 2018
บทความถัดไป“ทีมเดอะ เวย์” ร่วมแสดงความยินดีกับ ABM เข้าซื้อขายหุ้นครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ
LeaderCrew